7 อารมณ์ 6 ปรารถนา ของมนุษย์
Medium | 27.11.2025 01:01
7 อารมณ์ 6 ปรารถนา ของมนุษย์
Chayaporn Roongprasertsit (CRA)
3 min read
·
Just now
--
ปรัชญาจีนแทรกในc-drama ที่ทำให้เราเรียนรู้ปรัชญาชีวิต
ช่วงนี้คลายความตึงเลยได้มีโอกาสได้ดู C-Drama (จริงๆ เป็นคนฟังหนังมากกว่านั่งดูไปเลย) เรื่องตามโปสเตอร์ แล้วได้ยิน 1 วลีซึ่งเป็นวลีที่น่าสนใจที่พระเอก(เทพปีศาจ) เเละนางเอก(เทพรัตติกาล)สนทนากัน ว่าสิ่งทีมนุษย์ขอและต้องการหลุดก็ไม่พ้นจาก “7 อารมณ์ 6 ปรารถนา”
เอาหล่ะสิ เลยต้องไปหาดูว่าวลีนี้คืออะไร เพราะเท่าที่สังเกตดู แนวหนังเทพเซียนมักจะมีบทกลอนโบราณและปรัชญาสนทนาในบทหนังเสมอ ก็ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของประเทศนี้ก็ไม่ต่ำกว่า 4,000 ปีนี่หน่า
7 อารมณ์ 6 ปรารถนา มาจากภาษาจีน “七情六欲” (ฉีฉิงลิ่วอวี้ | Qīqíngliùyù)
7 อารมณ์ (七情) ได้แก่ สุขหรือยินดี(喜),โกรธ(怒), หวาดกลัว(惧), เศร้าโศก(哀), รัก(爱) เกลียด(恶), ความโลภ (欲) และ ความตกใจ/วิตก (惊))
七情是指喜、怒、忧、思、悲、恐、惊
The seven emotions are joy, anger, worry, thought, grief, fear, and fright.
ส่วน
6 ปรารถนา (六欲) เป็นปรารถนาที่เกิดจากการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 6 คือ ปรารถนาทางตา(眼欲), ปรารถนาทางหู(耳欲), ปรารถนาทางจมูก(鼻欲), ปรารถนาทางลิ้น(舌欲), ปรารถนาทางกาย(身欲) และปรารถนาทางใจ(意欲)
六欲是指人的眼、耳、鼻、舌、身、意的生理需求或愿望。
The six desires refer to the physiological needs or wishes of a person’s eyes, ears, nose, tongue, body, and mind.
ใจเย็นก่อนอิชั้นไม่ได้มาสอนภาษาจีนแต่อย่างไร แต่เพราะจุดเริ่มมาจากการดู c-drama เทพจีนนี่เเหละ เลยเสาะหาวลีนี้
สำหรับ 6 ปรารถนา เมื่อเทียบกับหลักพุทธศาสนา ก็น่าจะ สัมผัสทั้ง 6 ในการรับรู้ เพราะเมื่อผัสสะได้รับการกระทบหรือรู้ก็ทำให้เกิดความ ปรารถนาได้ ซึ่งผลของการสัมผัสนั้น
- ถ้าขาดสติ จะทำให้เกิด ความทุกข์ กล่าวคือเกิดความไม่รู้ (อวิชชา) และความยึดติด (อุปาทาน) ขึ้นในจิต ทำให้เกิดความทุกข์
- ถ้ามีสติ จะทำให้เกิด การดับทุกข์: เมื่อมีสติเท่าทันจะช่วยดึงเอาปัญญาและความเข้าใจที่ถูกต้องมาใช้ เพื่อดับความไม่รู้ (อวิชชา) และความยึดติด (อุปาทาน) ไม่ให้เกิดขึ้น หรือดับไปเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทำให้ความทุกข์ไม่เกิดขึ้น หรือดับไปในที่สุด
ซึ่ง 6 ปรารถนา นี่ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เกิด 7 อารมณ์ ได้…..หูยยยยย
เมื่อได้research ข้อมูลเพิ่มขึ้นในเรื่องของ 7 อารมณ์ พบว่า อารมณ์มีส่วนทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพได้ และทุกอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงมีจุดเชื่อมกับอวัยวะภายในของเรา….อู้ ลัลลาาาา เปิดโลกมากกกก
ร่ายกายและสุขภาพที่สะท้อนจากอารมณ์
นี่ก็มานับดู emoji expression บน facebook ก็มี 7 อารมณ์เหมือนกันแหะ 55555
อารมณ์ทั้ง 7 แบบ นั้นบางอารมณ์ที่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางอารมณ์ที่เป็นบ่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา คือ ครุ่นคิด
อารมณ์เป็นสิ่งสะท้อนสภาพจิตใจของเรา การมีอารมณ์ทั้ง 7 แบบที่เปลี่ยนแปลงไปมาตามปกตินั้นเป็นเรื่องดีต่อสุขภาพ(แบบต้องเหมาะสมและจัดการเป็น) แต่หากอารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรุนแรงหรือสะสมอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งนานเกินไป อาจส่งผลเสียต่อร่างกายและเป็นสาเหตุของโรคทำให้เราเจ็บป่วยได้>
ตามคัมภีร์โบราณของจีนได้บอกไว้ว่า
“การโกรธส่งผลเสียต่อตับ ความดีใจมากเกินไปส่งผลต่อหัวใจ การคิดมากส่งผลต่อม้าม ความเศร้าส่งผลต่อปอด และความกลัวส่งผลต่อไต”
ทุกคนมีอารมณ์เหล่านี้อยู่แล้วตามธรรมชาติ ส่วนจะมีอารมณ์แบบไหนก็เเล้วแต่ และทุกคนก็มีอารมณ์กันทั้งนั้น ถ้าไม่มีก็ถือว่าผิดปกติ แต่ต้องอยู่ในระดับที่พอเหมาะพอดี ไม่รุนแรงจนเกินไป หรือปล่อยให้อารมณ์ใดๆ สะสม
เมื่อร่างกายและจิตใจถูกกระทบจากอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งอย่างแรงและต่อเนื่อง จนเสียสมดุลทางจิตใจ จะทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ เนื้อเยื่อและของเหลวในร่างกายเกิดปัญหา เซลล์ตาย และอาจเกิดการเจริญเติบโตผิดปกติในอวัยวะต่างๆ เช่น ตับ กระเพาะ ลำไส้ เต้านม รังไข่ ต่อมไทรอยด์ ต่อมน้ำเหลือง สมอง รวมถึงมีอาการทางจิตใจ เช่น เศร้า กังวล นอนไม่หลับ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และเมื่ออารมณ์ไม่ดีจะยิ่งรู้สึกปวดมากขึ้น
ความเชื่อมโยงระหว่างอารมณ์กับอวัยวะภายใน
อารมณ์ต่างๆ เกิดจากพลังงาน (ลมปราณ) ของอวัยวะต่างๆ เช่น ความดีใจและความตกใจเกิดจากหัวใจ ความโกรธเกิดจากตับ การคิดมากเกิดจากม้าม ความเศร้าและความกังวลเกิดจากปอด ความกลัวเกิดจากไต
อารมณ์ที่ผิดปกติจะส่งผลกระทบกลับไปยังอวัยวะที่เป็นต้นกำเนิดของอารมณ์นั้นๆ เช่น ดีใจหรือตกใจมากเกินไปจะกระทบหัวใจ โกรธมากจะกระทบตับ คิดมากจะกระทบม้าม เศร้ากังวลจะกระทบปอด กลัวมากจะกระทบไต อารมณ์ที่ผิดปกติมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับหัวใจเป็นพิเศษ เพราะหัวใจเป็นอวัยวะสำคัญที่สุดและเป็นที่อยู่ของจิตใจ จึงมักถูกกระทบก่อนอวัยวะอื่น!!!!
อารมณ์ที่ผิดปกติอาจกระทบทุกอวัยวะ แต่มักส่งผลต่อหัวใจ ตับ และม้ามมากที่สุด เพราะอวัยวะทั้งสามมีบทบาทสำคัญต่อการไหลเวียนของเลือดและพลังงานในร่างกาย ดังนี้
- หัวใจควบคุมเลือดและจิตใจ เมื่อดีใจหรือตกใจมากเกินไป อาจมีอาการใจสั่น นอนไม่หลับ ฝัน หงุดหงิด กระวนกระวาย หัวเราะหรือร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล หรือมีอาการทางจิตรุนแรง
- ตับเก็บเลือดและพลังงานตับควรดำเนินการได้อย่างราบรื่น เมื่อโกรธมากจะทำให้พลังงานตับขึ้นสูงเกินไป มีอาการปวดแน่นชายโครง หงุดหงิด ถอนใจบ่อย รู้สึกอึดอัดบริเวณคอ ผู้หญิงอาจมีประจำเดือนไม่ปกติหรือปวดประจำเดือน (OMG!!!)
- ม้ามควบคุมการย่อยและดูดซึมอาหาร เมื่อคิดมากจะกระทบม้าม ทำให้เบื่ออาหาร ท้องอืด ถ่ายเหลว
อารมณ์ที่ผิดปกติอาจกระทบเพียงอวัยวะเดียวหรือหลายอวัยวะพร้อมกัน เช่น การคิดมากอาจกระทบทั้งหัวใจและม้าม ความโกรธอาจกระทบทั้งตับและม้าม เป็นต้น
อารมณ์ที่ผิดปกติอาจกลายเป็นความร้อนในร่างกาย ทำให้หงุดหงิด กระวนกระวาย นอนไม่หลับ หน้าแดง รู้สึกขมปาก อาเจียนเป็นเลือด เลือดกำเดาไหล นอกจากนี้ยังอาจเป็นสาเหตุของการคั่งของพลังงาน ความชื้น ความร้อน เสมหะ เลือด และอาหารในร่างกาย….ซึ่งมาพอถึงจุดนี้
<<< อารมณ์ผิดปกติส่งผลต่อทิศทางการไหลเวียนของพลังงานในอวัยวะภายใน >>>
อารมณ์ที่ไม่ปกติจะรบกวนการไหลเวียนของพลังงานในอวัยวะต่างๆ ทำให้เลือดและพลังงานไหลเวียนผิดปกติ ดังนี้
1. “ความดีใจ” เป็นอารมณ์ของหัวใจ การดีใจทำให้ผ่อนคลาย สบายใจ เลือดและพลังงานไหลเวียนสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นผลดี แต่ดีใจเกินไปจะทำให้พลังงานหัวใจกระจายไปทั่ว จิตใจไม่มั่นคง มีอาการอ่อนเพลีย ขี้เกียจ ไม่มีสมาธิ ถ้ารุนแรงอาจมีอาการใจสั่น กระวนกระวาย หรือมีพฤติกรรมผิดปกติ
2. “ความโกรธ” กระทบตับ ทำให้พลังงานตับแผ่ซ่านมากเกินไปหรือพุ่งขึ้นไปด้านบนพร้อมกับเลือด ทำให้เวียนศีรษะ ปวดหัว หน้าแดง หูอื้อ อาเจียนเป็นเลือด หมดสติได้ เนื่องจากตับเป็นอวัยวะสำคัญ ปัญหาของพลังงานตับจึงมักกระทบอวัยวะอื่นด้วย หากพลังงานตับไปรบกวนม้าม ทำให้ท้องอืด ถ่ายเหลว หากรบกวนกระเพาะ จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ตับและไตมีความเกี่ยวข้องกัน ความโกรธจึงมักกระทบไตด้วย ก่อให้เกิดอาการกลัว ความจำเสื่อม ปวดเมื่อยเอวและอ่อนแรง
3. “ความเศร้า” มากเกินไปทำลายพลังงานปอด แล้วไปกระทบอวัยวะอื่นๆ
- หากพลังงานปอดอ่อนแอ จะมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก เซื่องซึม อ่อนเพลีย
- ความเศร้าไปกระทบหัวใจ ทำให้ใจสั่น ใจลอย
- ความเศร้าไปกระทบตับ ทำให้เกิดปัญหาทางจิต แน่นชายโครง แขนขาชา เกร็ง ชัก
- ความเศร้าไปกระทบม้าม ทำให้พลังงานระบบย่อยอาหารติดขัด อาหารไม่ย่อย ท้องอืด แขนขาอ่อนแรง
4. “ความกังวล” มากเกินไปทำให้พลังงานปอดติดขัด มีอาการหายใจตื้น พูดเสียงเบา ไอ แน่นหน้าอก และอาจไปกระทบพลังงานของหัวใจ ตับ และม้ามได้
5. “การคิด” มากเกินไปทำให้พลังงานม้ามคั่งอยู่ภายใน พลังงานระบบย่อยอาหารติดขัด กระทบการทำงานของม้ามและกระเพาะ มีอาการเบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องแน่น ถ่ายเหลว ถ้ารุนแรงอาจทำให้กล้ามเนื้อลีบ
การคิดมากเริ่มจากม้ามแล้วไปส่งผลต่อหัวใจ ทำให้เลือดในหัวใจไม่เพียงพอ มีอาการใจสั่น นอนไม่หลับ ฝัน ความจำไม่ดี
6. “ความกลัว” ทำให้พลังงานไตไม่มั่นคง มีอาการกลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่อยู่ ฝันเปียก แขนขาไม่มีแรง ปวดเอว ความกลัวยังทำให้ไตไม่สามารถส่งสารและพลังงานขึ้นไปหล่อเลี้ยงหัวใจและปอด เรียกว่าพลังงานน้ำและไฟไม่สมดุลกัน มีอาการแน่นหน้าอกและท้อง หงุดหงิด นอนไม่หลับ
7. “ความตกใจ” มากเกินไปทำให้พลังงานหัวใจสับสน เลือดและพลังงานไม่สมดุล มีอาการใจสั่น กระวนกระวาย นอนไม่หลับ หายใจขัด ถ้ารุนแรงอาจมีอาการทางจิตได้
จากที่อ่านทำให้เห็นว่าในมุมมองของการแพทย์แผนจีน เชื่อว่า “ทุกสิ่งในโลกมีความสัมพันธ์กัน เกื้อกูลกัน ขัดแย้งกัน หรือควบคุมซึ่งกันและกัน” ซึ่งเห็นได้จากทฤษฎีองค์ประกอบห้าธาตุ ได้แก่ ไม้ ไฟ ดิน โลหะ และน้ำ ….ส่วนสมดุลย์น่าจะเกี่ยวกับหยิน-หยางด้วยไหมนะ
นี่แค่ 1 วลี ทำให้อิชั้นได้ความรู้ทางธรรม ปรัชญา ได้ขนากนี้เลยเชียว คราวนี้เราก็รู้เเล้วว่าอารมณ์ และปรารถนาของมนุษน์อย่างเราๆ ส่งผลด้านใดๆ ให้กับตัวเราได้บ้าง อาจช่วยเราได้ทั้งทางสายโลก จิตวิญญาณ บลา บลา ได้ทีเดียว
เครดิต:
https://baike.baidu.com/item/七情六欲/6156